BMW เปิดตัว All-New BMW M3 และ BMW M4 รถสปอร์ตยอดนิยมอย่างเป็นทางการ จัดเต็มทั้งเทคโนโลยี ระบบการขับขี่ และสมรรถนะใหม่ โดยในรุ่น Competition ที่เน้นการแข่งขันและความแรงขีดสุดมอบแรงม้าจัดหนักทะลุถึง 500 แรงม้า
Highlights ของ BMW M3/M4 มีอยู่หลายประการแต่สามารถสรุปย่อได้ดังนี้
– เป็นครั้งแรกที่มีการนำเกียร์อัตโนมัติแบบพื้นฐาน ทอร์คคอนเวอร์เตอร์มาใช้ในรถ M3/M4
– ยังมีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะให้เลือก แต่ในรุ่น Comprtition จะให้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
– เครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ 3.0 ลิตร ถูกใช้ไปก่อนหน้านี้แล้วใน X3MและX4M
– รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive จะตามมาในปี 2021
BMW M3ใหม่ จะมีรหัสตัวถังว่า “G80” ในขณะที่M4 จะใช้รหัสตัวถังว่า “G82” รถทั้งสองรุ่นจะประกอบจากโรงงานคนละแห่ง BMW M3 จะถูกประกอบจากโรงงานที่เมือง Mumich ซึ่งใช้ในการประกอบBMW 3 Series Sedan ในปัจจุบันอยู่แล้วแต่ BMW M4นั้น จะย้ายไปประกอบที่โรงงาน Dingolfing แทน
ขุมพลังทั้งสองรุ่น ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ เรียง 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ โดยให้สมรรถนะมาตรฐานที่ 479 แรงม้า(PS) แรงบิด 550 นิวตันเมตร แต่ถ้าเป็นรุ่น Comprtition จะได้รับการปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่จนสามารถเค้นสมรรถนะสูงสุดถึง 510 แรงม้า(PS) แรงบิด 650 นิวตันเมตรเลยทีเดียว
BMW M3 และ M4 สามารถมอบอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 4.1 วินาที และความเร็วสูงสุด 290 กม./ชม. ขณะที่รุ่น Competition จะให้อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. เพียง 3.8 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
BMW M3 และ M4 จะมีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ช่วยลดน้ำหนักตัวถังลง 22.7 กก. จึงช่วยปรับปรุงการกระจายน้ำหนักด้านหน้า-หลังที่สมดุลยิ่งขึ้น ส่วนในรุ่น Compettition จะมีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเท่านั้น แต่ชดเชยด้วยการเพิ่ม Rev-Matching Downshift, เพิ่มแมนนวลโหมด และแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย Paddle Shifters
ด้านระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีให้ทุกรุ่นย่อย ซึ่งมาพร้อมกับโหมดขับขี่ที่แตกต่างกัน 3 โหมด รวมถีงการตั้งค่า AWD ที่ให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนได้ดีขึ้นในสนามแข่ง ประกอบกับลูกค้ายังสามารถเลือก 2WD ที่ปิดระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก และปรับระบบขับเคลื่อนล้อหลังให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยไม่มีการแทรกแซงระบบช่วยเหลือใดๆ ขณะที่รุ่น Competition จะได้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบ M xDrive พร้อมเฟืองท้าย Active M
สำหรับระบบช่วงล่างจะได้รับระบบกันสะเทือนแบบ Adaptive M พร้อมระบบการสะเทือนล้อหน้าแบบสปิงคู่, โครงดับเบิลวิชโบนอะลูมิเนียม, บอลจ๊อย, ทอร์คอาร์ม, สปริง, ลูกปืนแบริ่งน้ำหนักเบา เป็นต้น ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบ 5-link พร้อม Wishbone control arms ที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษและตัว Front track bar ก็มีขนาดที่ยาวขึ้น 38 มม. ที่ช่วยปรับปรุงการยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น
ชุดดิสก์เบรกสมรรถนะสูง ด้วยล้อหน้าที่มาพร้อมกับคาลิเปอร์ 6 สูบและจานเบรกขนาด 380 มม.ส่วนล้อหลังจะใช้คาลิเปอร์สูบเดี่ยวและจานเบรกขนาด 370 มม.แต่ลูกค้าสามารถอัปเกรดดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิกหน้า 400 มม.และหลัง 380 มม.พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีทอง
สำหรับบุคลิกของ BMW M3 และ M4 โฉมใหม่ เริ่มจากภายนอกที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยช่องอากาศขนาดใหญ่ และตะแกรงรังผึ้ง, ฝากระโปรงโป่ง, ช่องระบายอากาศตรงบังโคลนหน้า, ชุดแอโร่พาร์ทดีไซน์ดุดันรอบคัน, ท่อไอเสียแบบสปอร์ตสี่ปลายท่อ, ไฟหน้า LED, ไฟท้าย LED รมดำ, หลังคาพลาสติกคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นต้น
สำหรับล้อในทุกรุ่นย่อยจะได้รับล้อหน้าขนาด 18 นิ้ว ล้อหลังขนาด 19 นิ้ว ส่วนรุ่น Competition จะได้ล้อที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมด้วยล้อหน้า 19 นิ้ว และล้อหลัง 20 นิ้ว พร้อมขอบล้อที่ขัดเงาเพิ่มความดูดีมากขึ้น
แต่ถ้าต้องการความสปอร์ตเข้มอีกขั้น สามารถเลือกแพ็คเกจ M Carbon ที่มาพร้อมกับชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์เคลือบ โดยเฉพาะชิ้นส่วนแอโร่พาร์ท, ฝาครอบกระจกมองข้าง, และสปอยเลอร์ท้าย
สำหรับภายในของ BMW M3 และ M4 ใหม่นั้น ยึดแบบจาก BMW 3 Series G20 และได้เทคโนโลยีระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น BMW OS 7.0 หน้าปัด BMW Live Cockpit Professional สำหรับ M Car ที่มาพร้อมกับจอ TFT 12.3 นิ้ว และจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว สิ่งที่ให้มาเพิ่มสำหรับนักซิ่งก็คือระบบ Drift Analyser ซึ่งมอนิเตอร์ลักษณะการดริฟท์ของรถ, M Ler Timer ซึ่งสามารถจับเวลารอบสนามและแสดงผลบนจอ HUD ได้ นอกจากนี้กล้องรอบคันของ BMW M3 และ M4 ยังสามารถจับภาพจากกล้องทุกตัวและบันทึกเป็นวีดีโอได้ยาว 40 วินาทีอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือความสะใจที่คุณได้จาก BMW M3 (G80) และ M4 (G82) รุ่นใหม่ ซึ่งจะเริ่มต้นขายที่ยุโรปภายในปีนี้ สำหรับเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาจะเริ่มผลิตและส่งมอบภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 ซึ่งประเทศไทยก็อาจได้ M4 Coupe มาจำหน่ายในปีหน้านี้ แต่อย่าพึ่งถามว่าราคาเท่าไหร่เพราะดูจากสเปคและออฟชั่น หากรอตัวขับสี่มาถึงไทยราคาอาจจะขยับไปใกล้หลักสิบล้านเลยก็ได้