รู้ไว้ใช่ว่า !! ระยะของอะไหล่ ตอนไหนควรเปลี่ยน

อะไหล่รถยนต์ ก็มีอายุการใช้งานยิ่งใช้ไปนานวัน ย่อมมีการชำรุด/สึกหรอ เพราะฉะนั้นผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบว่า อะไหล่รถยนต์ ของท่านส่วนใดยังทำงานได้ปกติ ส่วนใดเริ่มสึกหรอ บางชิ้นส่วนก็ไม่ต้องรอให้ถึงการชำรุดก่อนค่อยเปลี่ยน หากใช้ไปตามอายุการใช้งานที่ถึงกำหนดเปลี่ยนก็ควรเปลี่ยนทันที เพราะหากมัวแต่ลังเลเสียดายเงินที่จะเปลี่ยน ไม่แน่จากปัญหาเล็กอาจตามมาเป็นปัญหาใหญ่ จากที่ต้องเปลี่ยนค่าอะไหล่รถยนต์ในเงินตามจำนวนหนึ่งอาจทำให้คุณต้องเสียทรัพย์ซ่อมแซมรถมากกว่าปกติ หรือร้ายกว่านั้นอาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ได้ ลองมาเช็คระยะชิ้นอะไหล่ดูกันเลย!

เปลี่ยนอะไหล่-3

1. น้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง เมื่อถึงกำหนดควรเปลี่ยนถ่ายทุกครั้งสำหรับระยะเวลาเปลี่ยนคือทุกๆ 5,000-10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ยี่ห้อ และประเภทของน้ำมันเครื่อง) แต่ถ้าตรวจเช็คดูแล้วพบว่า น้ำมันเครื่องมีสีดำสนิท สามารถเปลี่ยนถ่ายก่อนถึงกำหนดก็ได้เพราะน้ำมันเครื่องอาจเสื่อมสภาพแล้ว

2. แบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นแบบแห้ง กึ่งแห้ง หรือแบบเปียก ส่วนใหญ่ระยะเวลาการเปลี่ยนจะอยู่ที่ 1.5-3 ปี แล้วแต่ขนาดและการใช้งาน นอกจากนี้แบตเตอรี่แบบเปียกต้องหมั่นดูแลน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับปกติอยู่เสมอ อย่างน้อยเช็คดูเดือนละ 1 ครั้งก็ยังดี

3. ไส้กรองอากาศ เมื่อถึงระยะประมาณ 20,000 กิโลเมตรหรือ 1 ปี ก็ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ หรือบางรุ่นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลังจากทำความสะอาด

4. ผ้าเบรก เพื่อความปลอดภัยหากได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขณะเหยียบเบรก ควรที่จะรีบนำรถไปเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ทันที เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนว่าผ้าเบรกใกล้หมดแล้วส่วนระยะเวลาในการเปลี่ยนใหม่อยู่ที่ 40,000-70,000 กิโลเมตรโดยประมาณ

5.หัวเทียน หากถึงระยะที่ควรเปลี่ยนคือ 40,000 กิโลเมตร แล้วไม่ยอมเปลี่ยน ฝืนใช้ต่อไปก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่ เครื่องสะดุด อีกทั้งราคาหัวเทียนธรรมดาก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย ดังนั้นเมื่อถีงเวาลาเปลี่ยนควรเปลี่ยนทันที

6.สายพานไทม์มิ่ง ถือเป็นสายพานหลักของห้องเครื่อง เพราะถ้าหากมันขาดขึ้นมาเมื่อไหร่งานหนักแน่นอน ซึ่งระยะที่ควรทำการเปลี่ยนใหม่คือ 100,000 กิโลเมตร

7.น้ำมันเกียร์และไส้กรองน้ำมันเกียร์ คงไม่มีใครอยากยกเกียร์ลูกใหม่ทั้งชุด เพราะราคามันโหดร้ายสุดๆดังนั้นเมื่อถึงระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายประมาณ 20,000-40,000 กิโลเมตร (แล้วแต่รุ่นรถ) ก็ควรรีบจัดการให้เรียบร้อยทันที

8.ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง หากไม่ได้เปลี่ยนเลยอาจทำให้ไส้กรองตัน จนทำให้รถมีอาการ เร่งไม่ขึ้น กระตุก สตาร์ทติดยาก ฯลฯ  ฉะนั้นเมื่อถึงระยะประมาณ 40,000 กิโลเมตรหรือ 2 ปี ควรเปลี่ยนให้เรียบร้อย

9.ยางใบปัดน้ำฝน ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี (เพราะสภาพอากาศบ้านเราร้อนมาก ทำให้ยางเสื่อมสภาพไวขึ้น) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนในแต่ละปีควรเปลี่ยนใหม่ไปเลย

10.ระบบส่องสว่างและหลอดไฟต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟหรี่ ไฟเบรก ไฟเลี้ยว หรือแม้กระทั่งไฟภายในห้องโดยสารควรที่จะตรวจเช็คให้เรียบร้อย เพราะไม่มีระยะเปลี่ยนที่แน่นอนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนใหม่เมื่อหลอดขาดเท่านั้น

11. ยางรถยนต์ อายุการใช้งานส่วนใหญ่ที่มักจะเปลี่ยนกันคือ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร แต่ถ้าลงให้ลึกในรายละเอียดยางมีอายุการใช้งานนานถึง 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลิต (เฉพาะยางที่มีคุณภาพสูง) และสิ่งที่กำหนดว่ายางหมดอายุการใช้งานจริงๆมีอยู่ 3 ข้อคือ 1. ความลึกของดอกยาง (ไม่ควรต่ำกว่า 3 มม.) 2. สภาพโครงสร้างของยางยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ มีร่องรอยความเสียหายตรงไหนหรือเปล่า 3. อายุของยางรถยนต์ (หากยางคุณภาพกลางๆ อาจใช้ได้ 2-4 ปี)

สนับสนุนให้ทุกคนใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย อย่าลืมใส่ใจดูแลตรวจสภาพรถอยู่เสมอ และเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์เป็นประจำเมื่อครบอายุการใช้งาน เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน